Sunday, June 29, 2014

ได้เวลากลับบ้าน อินเล สู่ ย่างกุ้ง




หลังจากเหน็ดเหนื่อยแล้วพักผ่อนเต็มที่แล้ว ตื่นเช้ามาอากาศดีมากๆ อาหารเช้ารออยู่แต่เสียดายที่เป็นอาหารแบบฝรั่งเลยซัดขนมปังไปได้หน่อยเดียว คิดเอาว่า รอส้มตำตอนกลับบ้านก็ได้ เช็คเอาท์แล้วเรือก็พามาส่งที่ม่าเรือเพื่อต่อแทกซี่ไปสนามบินค่ะ เพื่อนบางคนก็ไม่ยอมเสียเวลาฟรีๆก็หลับเอาแรงในขณะที่เรือวิ่งอย่างเร็วก็ยังหลับกันได้ค่ะ คิดดูว่าพวกเราเหนื่อยกันขนาดไหน ที่เขียนแบบนี้เพราะอยากจะบอกว่าถ้าเรามีเวลามากกว่านี้ก็คงดีเนอะ ถึงท่าเรือปุ๊บพี่แทกซี่ก็มารออยู่แล้ว ระหว่างทางนั่งแทกซี่เราจอดทีี่วัดชเวยันเป (Shwe Yan Phe) ซึ่งภาษาพม่าแปลว่าสมปรารถนามีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปีค่ะ เราไปถึงตอนเช้าหน่อย พระเณรเพิ่งจะกลับจากบิณฑบาตร ดูเหมือนน้องเณรที่นี่จะไม่ค่อยเคร่งมากเท่าไหร่เพราะเห็นวิ่งไล่จับกันสนุกเลย แต่ขออนุญาตไม่เอารูปลงนะคะ

ยังไหวอยู่ค่ะ

วัดชเวยันเป 

สาวๆอาบน้ำท่านี้ (วิวจากบนรถ)
เด็กๆไปโรงเรียนพร้อมอาหารที่แม่เตรียมให้ใส่ปิ่นโตสำหรับมื้อเที่ยง
กลับมาถึงสนามบินเฮโฮแล้วนั่งเครื่องประมาณ1ชมก็ถึงย่างกุ้งค่ะ ลืมบอกไปว่าบนเครื่องถึงแม้จะบินไม่นานแต่มีอาหารเสริฟนะค่ะ พนักงานเค้าก็น่ารักนอบน้อมถึงจะเป็นสายการบินขนาดเล็กก็ตาม สรุปว่าทริปนี้โหวตผ่านให้เอเชี่ยนวิงค่ะ พอถึงย่างกุ้งเราพยายามมองหาพี่หม่องคนที่พาเราไปอินแขวนแต่ไม่เจอค่ะเลยได้หนุ่มหม่องมา คนนี้พูดน้อยค่ะแต่ไปไหนก็ไป จุดมุ่งหมายเราคือวัดพระตาหวานค่ะ เพราะวันแรกๆที่มาไม่มีเวลาแล้ววันนี้เที่ยวบินกลับก็เย็นมากด้วย ดีกว่านอนหลับที่สนามบินให้พนักงานมาสกิดค่ะ เมื่อมาถึงวัด ก่อนจากกันชั่วคราวกับพ่อหนุ่มหม่องเราไม่ลืมถ่ายรูปรถไว้ค่ะเพราะกลัวจำไม่ได้
แทกซี่ที่ย่างกุ้ง สำหรับคันนี้ถือว่าสภาพดีเลยค่ะ
ว่าด้วยเรื่องพระตาหวานหรือพระเจ้าทัตจี เห็นรูปก็รู้เลยค่ะเพราะท่านสวยมาก(ไม่รู้ว่าเรียกแบบนี้ได้มั๊ย) โดยเฉพาะตาแต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันนิดนึงนะค่ะ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่เราเห็นอยู่ปัจจุบันนี้เพิ่งจะสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2509 นะค่ะ ก็48 ปีพอดี แต่จะว่าใหม่เลยก้ไม่ใช่เพราะสร้างครอบ (บ้างว่าสร้างใหม่)องค์เก่าที่สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2450 ที่ชำรุดมากแล้ว ถ้าเข้าไปด้านในหันหน้าเข้าหาองค์พระจะเห็นรูปเก่าอยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ พระพุทธรูปองค์นี้บ้างก็ว่ายาว 65 เมตร บ้างว่า 70 เมตรแต่จากป้ายประวัติบอกว่า 216 ฟุตซึ่งแปลงเป็นเมตรได้ 65.8368 เมตรค่ะ (จะละเอียดไปไหนเนี่ย) ในส่วนขององค์พระตั้งแต่เศียรมีพระพุทธรูปจำนวนมาก มีเจดีย์ขนาดเล็กแล้วยังมีพระบรมสารีริกธาตุด้วยค่ะ ทาปากสีแดง เล็บสีชมพู ดวงตาทำจากแก้วซึ่งว่ากันว่าต้องสั่งจากเมืองนอกเพราะพม่าไม่มีแก้วขนาดใหญ่พอ ขนคิ้วตั้งขึ้น ขนตาโค้งงอน จมูกสวยได้รูปส่วนพระพักต์ดูสงบปราศจากกิเลศตัญหาและความกังวล ส่วนผ้าจีวรสีเหลืองทองก็ดูอ่อนช้อยเหมือนพริ้วไหวได้ ที่ฝ่าพระบาทมีภาพมงคล108ประการคล้ายที่วัดโพธิ์บ้านเราค่ะ นอนตะแคงขวาเท้าวางเหลื่อมกัน เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดของพม่า
รูปนี้เห็นขนตาถนัดค่ะ
เห็นมือ เล็บสวยๆ

เกือบเต็มองค์พระ

ชอบมากๆค่ะ

เบลอไปหน่อยนะค่ะแต่เผื่อใครอยาก(พยายาม)อ่าน
จากกนี้ก็หมดแรงของจริง ให้หนุ่มหม่องพากลับสนามบิน แต่ไม่ลืมถ่ายรูปกับสนามบินค่ะ เห็นใครๆไปก็ต้องถ่ายคู่ เราเอาบ้างดีกว่า

การไปเที่ยวครั้งนี้เรียนรู้อะไรเยอะมากค่ะ ทั้งการใช้ชีวิต การพบเจอผู้คนที่เหมือนจะไม่ต่างแต่ต่าง การยอมรับในสิ่งที่ต่างแบบไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้ การยอมเสียสละในสิ่งที่ไม่ควรเสียสละด้วยความสมัครใจ (ตอนแรกอาจจะขมขื่นหน่อยนะ) ส่วนเรื่องความมันส์ฮา สนุกตามประสาคนชอบเที่ยวมีทุกทริปค่ะ 
ไว้เจอกันบล๊อกหน้านะค่ะ

รักคนอ่านทุกคนเลย...คนชอบเที่ยว...

No comments:

Post a Comment