ภาคต่อจากมัณฑะเลย์ Asian Wings Airline พาเรามาถึงรัฐฉาน (Shan State) ซึ่งอยู่ห่างจากมัณฑะเลย์แค่ประมาณ 250 กิโลเมตรเองค่ะ แต่เพราะถนนหนทางยังไม่สะดวกสบาย บินคือทางเลือกที่ดีที่สุดของเราค่ะ มาถึงสนามบินเฮโฮแล้วก็จัดแทกซี่ไปส่งที่ทะเลสาบอินเลเลยค่ะ เพราะพวกเรามีเวลาไม่มากสำหรับทริปพม่านี้ก็เลยไม่ได้นอนในเมืองตองยี
เก็บตก: หาอ่านหลายๆที่มาบอกว่ารัฐฉานห่างจากมัณฑะเลย์ 140 ก.มบ้าง 330 ก.มบ้าง แต่แอนดูจากแผนที่ในกูเกิลบอกว่า 250 ก.มค่ะ ตามภาพเลย
![]() |
| แผนที่จาก Google ใช้อ้างอิงได้หรือเปล่าเอ่ย |
| สนามบินเฮโฮ..เมืองตองยี..รัฐฉาน..พม่า |
| ลำนี้บินดี บินนุ่ม |
| บรรยากาศหน้าสนามบินค่ะ ถ้าหิวก็มีเท่าที่เห็นนะ |
| เวลาที่แสนยากลำบาก ต่อรองราคาแทกซี่ |
| ป้ายสนามบินเฮโฮ (Heho Airport) |
เล่าสู่กันฟัง: เมืองตองยี (Taunggyi) คือเมืองหลวงของรัฐฉานค่ะ ในเมืองตองยีมีตลาดกลางคืนชื่อตลาดเฮโฮ เขาว่ากันว่าคล้ายกับไนท์บาซาร์ที่เชียงใหม่ ใครมีโอกาสนอนในเมือง ถ่ายรูปมาฝากด้วยนะค่ะ
ประชากรส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นชาวไทใหญ่ ที่นี่อากาศดีมากช่วงที่เราไป แต่คนพื้นที่บอกว่าอากาศดีแบบนี้ทั้งปีค่ะ อาจเป็นเพราะท่ี่นี่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,400 เมตร ระหว่างทางไปทะเลสาบอินเลไม่ต้องใช้แอร์ในรถเลยค่ะ จริงๆก็ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ขึ้นเขา เลาะแนวเขาไปเรื่อยๆเพลินๆแป็บๆก็ถึงค่ะ
พวกเรามาถึงท่าเรือเพื่อที่จะต่อเรือไปที่โรงแรม ที่ท่าเรือเป็นทั้งท่าขนส่งสินค้าจากหมู่บ้านชาวอินทาในทะเลสาบมาส่งเพื่อขายในตัวเมืองแล้วก็เป็นท่าเรือสำหรับพวกเราด้วยค่ะ เขาจะมีแพคเกจเรือให้เราเลือก แบบทั้งวันคือพาไปส่งโรงแรม รอพาไปดูหมู่บ้านกลางน้ำ ไปดูอุตสาหกรรมช้าวบ้าน ไปเที่ยววัด แล้วก็มารับวันกลับด้วย จำราคาไม่ได้ค่ะแต่ไม่ต้องห่วงเพราะเขามีราคามาตรฐาน ไม่ถึงกับช๊อคค่ะ
| ป้ายยินดีต้อนรับสู่อินเล กับเด็กชายบนรถม้า |
| ท่าเรือขนส่งสินค้าจากทะเลสาบอินเล สู่ ตองยี |
| เฮียแกมีแผนที่ประกอบการขายบริการเรือ เอาจริงมากๆค่ะ |
| ท่าเรือเริ่มคึกคักมากขึ้นแล้ว สินค้ามาถึงท่าพร้อมๆกัน |
![]() |
| ได้เวลาลงเรือไปพักที่โรงแรมกันซะที เฮียแกปิดกายขายเร็วดี |
| ยินดีต้อนรับสู่ Inle Lake Wildlife Sanctuary |
| บ้านเรือนเรียบง่ายริมคลอง |
| เรือขนส่งสินค้าวิ่งสวนทางไปมาตลอดเวลา |
| หาปลา เลี้ยงชีพ ในทะเลสาบอินเล |
| เก็บวัชพืช วัสดุหลักสำหรับการเพาะปลูกชองชาวอินทา |
| ถึงแล้วค่ะอินเลรีสอร์ท |
| สถาปัตยกรรมแบบพม่า ใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก |
| บริเวรห้องพักที่หันหน้าเข้าหาทะเลสาบอินเล |
| พนักงานต้อนรับที่กระตือรือร้นยิ้มหวานๆ |
| ห้องพักวิวสวนของอินเลรีสอร์ท |
| สังเกตุในเรือนะคะ ชูชีพสัสันจัดจ้านมาก เก้าอี้นั่งแบบมีพนักหนึ่งตัวหนึ่งคน สบายกว่าเรือหางยาวบ้านเราเยอะ |
ทะเลสาบอินเลนี้เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศพม่า มีพื้นที่ประมาณ 116 ตารางกิโลเมตรซึ่งน้ำจืดเหล่านี้ก็มาจากน้ำบนภูเราที่รายล้อมพวกเขาไว้นั่นล่ะค่ะ
อินทา (Intha) ในภาษาพม่าแปลว่า ลูกทะเลสาบ ว่ากันว่าเดิมนั้นชาวอินทา (Intha) ก็เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนบกที่เมืองทวาย (Dawei) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐฉานประมาณ 800 กิโลเมตร พวกเขาประมาณเจ็ดหมื่นคนต้องอพยบหนีสงครามระหว่างไทยกับพม่าในช่วงกลางปีพุทธศักราช 2300 โดยมาตั้งถิ่นฐานที่ทะเลสาบอินเลแห่งนี้ ชุมชนของชาวอินทามีอยู่สี่เมืองหลักๆ แบ่งเป็นหลายๆชุมชนค่ะ ทั้งที่อยู่ในทะเลสาบและหมู่บ้านรอบๆ
| น้ำ วัชพืช บ้านเรือน วัด = ชาวอินทาที่อินเล |
| เอ้ามามา มาช่วยพี่แกเก็บวัชพืชน้ำไปทำสวนหน่อย |
| บ้านไม้ไผ่สานกั้น ไม้ไผ่ปล้องเป็นเสา หลังคาหญ้า ปลูกเรียงรายเป็นระเบียบ |
| บ้านหลังไกลออกไปเริ่มใช้ไม้เป็นผนังแล้วค่ะ |
![]() |
| บ้านเรือนที่ดูกี่ทีก็ไม่เบื่อ |
ระหว่างทานอาหารเที่ยงก็มีชาวบ้านพายเรือผ่านไปผ่านมาพร้อมวัตถุดิบในการจักสานซึ่งคนที่นี่มีฝีมือด้านนี้อยู่แล้วค่ะเช่่นหมวก ผ้าต่างๆ เดี๋ยวค่อยไปดูกันต่อนะ
| ร้านอาหารเที่ยงที่ทะเลสาบอินเลของพวกเรา |
| ว่าแต่เขาจะเอาไปทำอะไรน๊า |
| พายเรือด้วยขาข้างเดียวไม่พอค่ะ พี่แกถกโสร่งด้วย เทห์ไม่หยอก |
| ปลาที่พร่ำโฆษณามานาน อร่อยล้ำ |
![]() |
| ผู้หญิงนั่งพายเรือค่ะ เขาไม่ยิงเรือ |
![]() |
| ฝนเริ่มมาแล้ว จ้ำๆกันหน่อย |
พวกเขาเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่ในน้ำ ทำเกษตรอินทรีย์ ใช้วัชพืชน้ำทุกชนิดที่หาได้มาแทนดินจำพวกผักตบชวาซึ่งถือว่าเป็นวัชพืชตัวร้าย สาหร่าย อ้อ พวกเขาจะเก็บสาหร่ายที่อยู่ลึกลงไปใต้น้ำค่ะ อาจจะเพราะพวกนั้นเริ่มย่อยสลายทำให้มีแร่ธาต่มากว่าพวกที่ยังสดใหม่บนผิวน้ำ หลังจากได้แล้วก็จะขนส่งโดยเรือ (แน่แหละเนอะก็ที่นี่คือทะเลสาบนิ) พวกเขาเอาไปทำเหมือนเรายกร่องแปลงผักบนบกแต่ที่นี่คือลอยน้ำโดยใช้ไม้ไผ่ในการตรึงให้หญ้าทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งที่เราต้องการ ความหนาประมาณหนึ่งเมตร สิ่งที่ปลูกก็มีหลายอย่างค่ะแต่ที่เห็นจะสะดุดตาที่สุดก็คือมะเขือเทศ
หลังจากอาหารเที่ยงพวกเราก้ไปต่อที่บ้านหัตถกรรมใยบัวซึ่งมีเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงที่นี่ แต่ราคาของผ้าทอใยบัวนี่ฟังแล้วอาจหงายหลังได้ค่ะ ผ้าพันคอผืนละประมาณ 5,000 บาท ส่วนเสื้อผ้าฝ้ายหรืออื่นๆก็พอซื้อได้อยู่นะคะ
| ร้านนี้ที่ทุกคนต้องไป เพราะพี่เรือแกจะพาไป |
| ป้าก็ทอไปบ้างหยุดไปบ้าง |
| ผืนนี้ สนนราคาที่ห้าพันบาท ใครไปก็ซื้อมาฝากกันบ้างนะ |
| ปั่นบ้างหยุดบ้างตามธรรมเนียม |
![]() |
| อุปกรณ์ประกอบการแสดงน้อยไปหน่อยค่ะสำหรับวันนี้ |
| ผู้หญิงนั่งพาย |
พระบัวเข็มหรือพระอุปคุตนี้มีทั้งหมด 5 องค์แต่ในพิธีจะมีแค่ 4 เพราะชาวบ้านเชื่อกันว่าถ้าอันเชิญไปหมดจะทำให้เกิดอาเพศได้เช่นเรืออาจจะล่ม เชื่อกันว่าพระอุปคุตนี้เดิมทีจำศีลอยู่ที่สะดือทะเลค่ะ
การพายเรือของที่นี่แน่นอนว่าต้องพายด้วยขาข้างเดียว ลองนึกภาพนะค่ะว่าในเรือหนึ่งลำที่เต็มไปด้วยฝีพายมากว่า 20 คน ยืนพายเรือด้วยขาข้างเดียวกันพร้อมๆกันจะสวยงสมขนาดไหน
เล่าสู่กันฟัง: การที่ผู้ชายยืนพายเรือนั้นก็เพื่อวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและลึกด้วยค่ะ ที่ว่าลุกนี้หมายถึงสามารถมองเห็นใต้น้ำได้ดีกว่าการนั่งพายเพราะอาจจะไปชนเข้ากับพวกอ้อน้ำทำให้เกิดอันตราย เรือล่มได้
ขากลับพวกเราผ่านแปลงปลูกผักของชาวบ้าน ช่วงที่เราไปนั้นเขาเก็บผลผลิตไปเกือบหมดแล้ว ภาพเลยไม่สวยเท่าไหร่ค่ะ ปัญหาที่ชาวบ้านอินทากำลังประสบอยู่คือขยะที่มาจากแปลงผักซึ่งก็คือส่วนที่ใช้ำแปลงผักนี่เอง มันเกาะตัวกันจนแข็งหลังใช้งานทำให้เกิดน้ำเสีย
| พระบัวเข็มหรือพระอุปคุตมีทั้งหมาดห้าองค์ |
| วัดพระบัวเข็มหรือวัดป่าวต่ออู |
| เรือการะเวกที่ใช้ในพิธีแห่พระบัวเข็ม |
ปัจจุบันน้ำที่ทะเลสาบแห่งนี้ไม่เหมาะกับการบริโภคแล้วค่ะหลังจากที่มีการวัดค่าแร่ธาตุต่างๆรวมถึงแบคทีเรีย เรานักท่องเที่ยว เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ เราต้องช่วยชาวบ้านอีกแรงนะค่ะ ไม่ทิ้ง ท่องไว้ค่ะ ไม่ทิ้งอะไรเลยลงน้ำ ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบและปลอดภัยที่นี่ไปอีกนานแสนนาน
| แปลงผักร้างแล้ว กลายเป็นขยะก้อนใหญ่ |
![]() |
| เด็กๆน่ารักมากๆ |
![]() |
| แปลงมะเขือเทศทีี่มองหาผลไม่เจอแล้ว |
![]() |
| ดูเหมือนจะเหงานะ พายคนเดียว ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงด้วย แต่คงเพลินกับธรรมชาติเนอะ |
ถึงโรงแรมก็ได้เวลาอาหารค่ำ แต่เราไม่ได้กินอาหารค่ำค่ะเพราะอิ่มมากจากกลางวัน รวมถึงเงินที่มีเหลืออยู่น้อยนิดเต็มที รวมกันสี่คนเท่าที่เห็น เหลือต้องบินไปย่างกุ้งและอยู่ที่นั่นทั้งวันอีก นี่ล่ะค่ะเตรียมตัวน้อยก่อนเที่ยว ริจะรูดบัตรเครดิตที่พม่า ฟรุ้งฟริ๊งไปเลย
| The Last Supper@Inle Lake |
เจอกันที่ย่างกุ้งวันสุดท้ายนะค่ะ...คนชอบเที่ยว...









No comments:
Post a Comment